News Ticker

จะขอทุนเรียนในประเทศอังกฤษ ในระดับปริญญาเอกได้อย่างไร

เป็นที่รู้กันว่าการเรียนต่อระดับปริญญาเอกในต่างประเทศนั้นต้องใช้เงินมาก แล้วยิ่งเป็นประเทศอังกฤษด้วยแล้วผมเคยประมาณการเอาไว้เมื่อราวๆ 4 ปีที่แล้วว่า ต้องเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 1.5 ล้านบาทต่อปี และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะมหาวิทยาลัยในอังกฤษจะปรับค่าเทอมขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อทุกปี นั่นเพราะค่าใช้จ่ายๆต่างๆไม่ว่าจะเป็นเงินเดือนบุคลากร ค่าวัสดุอุปกรณ์จะมีการปรับตามอัตราเงินเฟ้อทุกปี

ดังนั้นการจะเรียนด้วยเงินทุนของตัวเอง ถ้าที่บ้านทำงานกินเงินเดือนอย่างเดียวคงหมดโอกาส เท่าที่เจอคนที่ไปเรียนต่อเอกด้วยทุนตัวเองมักจะมาจากครอบครัวฐานะดี ส่วนคนฐานะไม่ดีก็ต้องพึ่งทุนรัฐบาล ทุนจากที่ทำงานตามโครงการพัฒนาบุคคลากร ตามความสามารถของตัวเอง

แต่สำหรับคนที่มีศักยภาพสูงแล้วละก็ ยังมีอีกช่องทางหนึ่งนั่นก็คือการขอทุนการศีกษาจากมหาวิทยาลัยได้โดยตรง แต่ต้องแสดงให้เขาเห็นว่าเรามีศักยภาพที่โดดเด่นจริงๆ เพราะทางมหาวิทยาลัยในอังกฤษมีข้อจำกัดทางกฏหมายที่จะต้องอธิบายให้หน่วยงานรัฐของเขาเห็นว่าเขามีความจำเป็นที่จะรับเราเข้าศึกษาจริงๆ และทำไมถึงต้องข้ามหัวนักศึกษาในชาติของเขาเอง

มหาวิทยาลัยในอังกฤษจะต้องปฏิบัติตามกฏระเบียบอย่างเคร่งครัด ไม่งั้นจะเป็นประเด็นทางสังคมแล้วทำให้มหาวิทยาลัยเสื่อมเสียชื่อเสียงได้ นั่นเพราะว่าลำดับการให้ความสำคัญของมหาวิทยาลัยจะต้องรับนักศึกษาตามลำดับความจำเป็นดังนี้
1. นักศึกษาสัญชาติอังกฤษ
2. นักศึกษาในเครือสหภาพยุโรป
3. นักศึกษาในยุโรปนอกเครือสหภาพยุโรป
4. นักศึกษาในเครือจักรภพอังกฤษ เช่น ออสเตรเลีย อินเดีย มาเลเซีย สิงคโปร์ เป็นต้น
5. นักศีกษาต่างชาติ

จะเห็นได้ว่าเราจะถูกพิจารณาในลำดับสุดท้ายเมื่อว่าด้วยความเหมาะสมเชิงสัญชาติ แต่หากเรามีความโดดเด่นที่พอจะก้าวข้ามอีก 4 กลุ่มก็ไม่ถึงกับจะยากนักที่จะขอทุนเรียนจากมหาวิทยาลัยในอังกฤษโดยตรง

เหตุเพราะมหาวิทยาลัยในอังกฤษจะได้รับเงินสนับสนุนทั้งจากหน่วยงานของรัฐและเอกชนในการทำการวิจัยเพื่อหาคำตอบเชิงลึกเพื่อในไปใช้ในเชิงอุตสาหกรรมหรือเชิงสังคม ผมเองแม้จะได้รับทุนรัฐบาลไทยไปก็จริง แต่งานวิจัยที่ทำนั้นได้รับเงินสนับสนุนจากบริษัทเอกชน ที่หากได้นักศีกษาปริญญาเอกไปทำงานวิจัยโดยมหาวิทยาลัยไม่ต้องจ่ายเงินเองก็ถือเป็นเรื่องที่ดีมากๆสำหรับมหาวิทยาลัย

แต่การหาคนมาทำงานวิจัยนั้นถือเป็นเรื่องที่หัวหน้าทีมวิจัยที่ได้รับเงินสนับสนุนต้องไปขวนขวายควานหามาให้ได้ จึงได้มีการประกาศเชิญชวนให้มาสมัครผ่านตามเว็บไซท์ของมหาวิทยาลัยชั้นนำ เพื่อรวบรวมคนล่วงหน้าในการทำงานวิจัยนั้นๆ โดยหัวหน้าทีมระดับศาสตราจารย์จะรู้ว่าต้องการกำลังคนเท่าไหร่ตั้งแต่ตอนที่เสนอโครงการไปยังหน่วยงานผู้ให้ทุน ซึ่งระหว่างรอคำตอบ เมื่อได้รับคำตอบเบื้องต้นว่ามีโอกาสผ่านเขาก็จะเปิดรับสมัครทันที

่กระบวนการนี้คือการสอบถามไปยังเพื่อนฝูงไปยังมหาวิทยาลัยต่างๆ ว่าเห็นใครมีแววบ้าง ไม่ว่าจะเป็นนักศีกษาปริญญาตรี หรือโท ที่เรียนจบไปแล้วหรือกำลังเรียนอยู่ ซึ่งจะมีการบอกต่อๆกัน และนั่นคือที่มาของการต้องขอจดหมาย recommendation letter นั่นเอง

อาจารย์มหาวิทยลัยบ้านเราที่จบจากต่างประเทศก็จะมีการติดต่อกับอาจารย์ในต่างประเทศ ซึ่งถ้าเห็นแววใครเก่ง ขยัน เขาก็พร้อมจะแนะนำให้อาจารย์ในต่างประเทศพิจารณาด้วยเช่นกัน

ตัวอย่างมหาวิทยาลัยที่พร้อมรับนักศีกษาต่างชาติที่มีความสามารถพอ

จากเขาไปดูจะพบว่ามีการประกาศรับสมัคร นศ ระดับปริญญาเอก ตามหัวข้องานวิจัยที่เขาต้องการ แต่หลายๆทุนอาจจะมีข้อกำหนดของทุนว่าต้องเป็นนักศึกษาสัญชาติใดบ้าง และเขาจะให้ทุนช่วยเหลือในส่วนใด เช่นอาจจะช่วยค่าเทอม หรือ บางส่วนของค่าเทอม หรือ อาจจะรวมค่ากินอยู่ด้วย

เมื่อหาเจอแล้วว่าท่านจะสมัครเรียนด้านไหน หัวข้ออะไร ทุนเป็นแบบไหน คุณสมบัติพื้นฐานของท่านครบถ้วนหรือไม่แล้ว สิ่งสำคัญที่ท่านจะชนะคนอื่นๆได้ก็คือ หลักฐานการชนะกิจกรรมต่างๆที่ผ่านมาและเกี่ยวข้องกับหัวข้อที่คุณกำลังสมัคร เช่นการเคยได้เหรียญทองโอลิมปิค การเคยไปร่วมแข่งขันในสนามนานาชาติเป็นต้น หรืออาจจะเป็นผลงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในระดับปริญญาตรีหรือโทที่ผ่านมา รวมไปถึงจดหมายแนะนำจากอาจารย์ในไทยที่ท่านคิดว่าน่าจะเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติอีกด้วย

การขอทุนไปเรียนต่อปริญญาเอกนั้นไม่ใช่เรื่องยาก หากท่านสนใจควรจะศึกษาหาข้อมูลล่วงหน้านานๆ และส่งใบสมัครไปหลายที่ ล่วงหน้าตามกำหนดการของเขา เงื่อนไขต่างๆควรศึกษาให้ดี จะได้ไม่เสียเวลาสมัครหากเขาไม่สามารถรับนักศีกษาต่างชาติแบบประเทศไทยได้ ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ

Leave a comment